สวัสดีผู้ที่เยี่ยมชมบล็อกทุกท่าน บล็อกนี้จัดทำขึ้นเพื่อการเรียนการสอนเป็นส่วนหนึ่งของวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมีเนื้อหาเกี่ยวกับ1. เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร2.ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร3.การสื่อสารการเรียนการสอน4.คอมพิวเตอร์และระบบคอมพิวเตอร์5.ซอฟต์แวร์6.ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์7.อินเตอร์เน็ต8.ห้องสมุดรอิเล็กทรอนอกส์และอ้างอิง9.การประยุค์ใช้ ผู้จัดทำหวังว่าเนื้อหาทั้งหมดจะเป็นประโยช์ต่อผู้ชมทุกท่านค่ะ ถ้าหากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย ค่ะ

หน่วยที่ 6

หน่วยที่ 6  
อินเทอร์เน็ต
1.ความหมายและความเป็นมาของอินเทอร์เน็ต
            คำว่าอินเทอร์เน็ต มาจากคำเต็มว่า International Network หรือเขียนแบบย่อว่าInternet หมาย ความว่า เครือข่ายนานาชาติหรือเครือข่ายสากล คือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั่วโลก เข้าด้วยกัน โนปัจจุบันมีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมโยงกันอยู่มากกว่า 60 ล้านเครื่องมาเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข่าวสารกัน การที่คอมพิวเตอร์ที่แตกต่างกันหลายชนิดจำนวนมากมายทั่วโลกเชื่อมโยงกันได้ จะต้องใช้เกณฑ์วิธีหรือโพรโทคอล (Protocol)  เดียวกันจึงจะเข้ากัน และเกณฑ์วิธีที่นำมาใช้กับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในปัจจุบันมีชื่อเรียกว่าทีซีพี/ไอพี (TCP/IP)
2.ความสำคัญของอินเทอร์เน็ต
·       ด้านการศึกษา อินเทอร์เน็ตมีความสำคัญ ดังนี้
1)  สามารถใช้เป็นแหล่งค้นคว้าหาข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางวิชาการ ข้อมูลด้านการบันเทิง ด้านการแพทย์ และอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
2)  ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จะทำหน้าที่เปรียบเสมือนเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่
3)  นัก ศึกษาสามารถใช้อินเทอร์เน็ตติดต่อกับมหาวิทยาลัยหรือโรงเรียนอื่น ๆ เพื่อค้นหาข้อมูลที่กำลังศึกษาอยู่ได้ ทั้งที่ข้อมูลที่เป็นข้อความเสียง ภาพเคลื่อนไหวต่าง ๆ
·       ด้านธุรกิจและการพาณิชย์ อินเทอร์เน็ตมีความสำคัญ ดังนี้
1)  ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ
2)  สามารถซื้อขายสินค้า  ทำธุรกรรมผ่านระบบเครือข่าย
3)  เป็นช่องทางในการประชาสัมพันธ์ โฆษณาสินค้า  ติดต่อสื่อสารทางธุรกิจ
4)  ผู้ ใช้ที่เป็นบริษัท หรือองค์กรต่าง ๆ ก็สามารถเปิดให้บริการ และสนับสนุนลูกค้าของตนผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ เช่น การให้คำแนะนำ สอบถามปัญหาต่างๆให้แก่ลูกค้า แจกจ่ายตัวโปรแกรมทดลองใช้ (Shareware)  โปรแกรมแจกฟรี (Freeware)
·       ด้านการบันเทิง อินเทอร์เน็ตมีความสำคัญ ดังนี้
1)  การพักผ่อนหย่อนใจ นันทนาการ เช่น  การค้นหาวารสารต่าง ๆ ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต  ที่เรียกว่า  Magazine Online รวมทั้งหนังสือพิมพ์และข่าวสารอื่น ๆ โดยมีภาพประกอบที่จอคอมพิวเตอร์เหมือนกับวารสารตามร้านหนังสือทั่ว ๆ ไป
2)  สามารถฟังวิทยุหรือดูรายการโทรทัศน์ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้
3)  สามารถดึงข้อมูล (Download) ภาพยนตร์มาดูได้
3.ประโยชน์อินเทอร์เน็ต
            ในการใช้อินเทอร์เน็ตนั้นก่อให้เกิดประโยชน์หลายด้านด้วยกันสามารถสรุปที่สำคัญได้ดังนี้
1.  ใช้แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร  สะดวกและรวดเร็ว
2.  ใช้สืบค้นข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ทั่วโลกได้
3.   ใช้แลกเปลี่ยนข้อมูลกับเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างระบบได้
4.   สามารถส่งข้อมูลได้หลายรูปแบบ
5.   ให้ความบันเทิงในรูปแบบต่างๆ เช่น การฟังเพลง เล่นเกมส์ เป็นต้น
6.    ใช้สื่อสารด้วยข้อความ ซึ่งเป็นการพูดคุยกันระหว่างผู้ใช้อินเทอร์เน็ตโดยการพิมพ์ข้อความ      โต้ตอบ
7.   ใช้ส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
8.   ซื้อขายสินค้าและบริการ
4.การใช้อินเทอร์เน็ต
            การใช้งานอินเทอร์เน็ต  ผู้ใช้สามารถใช้บริการจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ที่เราเรียกว่า ไอเอสพี (ISP หรือ Internet Service Provider)โดย การติดต่อขอใช้บริการผ่านตัวแทนไอเอสพีต่าง ๆ ได้โดยตรง  สำหรับประเทศไทยเรามีไอเอสพีอยู่มากกว่า  15 แห่ง ซึ่งไอเอสพี  คือบริษัทหรือองค์กรที่ให้บริการทางด้านอินเทอร์เน็ต  รวมถึงศูนย์คอมพิวเตอร์ของสถาบันการศึกษาด้วย  จะทำหน้าที่เชื่อมต่อระบบเครือข่ายจากประเทศไทยไปต่างประเทศ โดยผ่านเครือข่ายดาวเทียมหรือสายใยแก้วนำแสงของการสื่อสารแห่งประเทศไทย 
5.ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
            การติดต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านระบบการสื่อสารโทรคมนาคมเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ต  เพื่อใช้บริการต่างๆ จากอินเทอร์เน็ต สามรถทำได้ 2 วิธี ดังนี้
         1.การติดต่อโดยใช้สายโทรศัพท์ผ่านอุปกรณ์โมเดม  (Modem) 
        ไปยังเอสไอพีที่เราเป็นสมาชิกอยู่  โมเดม คือ อุปกรณ์แปลงสัญญาณคอมพิวเตอร์ให้เป็นสัญญาณโทรศัพท์และแปลงสัญญาณโทรศัพท์ ให้เป็นสัญญาณคอมพิวเตอร์  หรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการแปลงสัญญาณดิจิทัลจากคอมพิวเตอร์เป็นสัญญาณแอนาล็อก ผ่านสายโทรศัพท์ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ปลายทาง  และขณะเดียวกันยังสามารถแปลงสัญญาณแอนาล็อกกลับเป็นสัญญาณดิจิทัลได้   โดยปกติเราใช้วิธีการนี้ติดต่อจากที่บ้านหรือที่ทำงานที่ไม่มีระบบเครือข่าย เชื่อมโยงถึง  ความเร็วของการติดต่อขึ้นอยู่กับโมเด็ม  ปัจจุบันมีความเร็วขนาด  64 กิโลบิตต่อวินาที
           [clip_image0026.jpg]

      2.การติดต่อผ่านเครือข่ายแลน  
      วิธีนี้จะสะดวกมากกว่าวิธีอื่นการรับส่งข้อมูลมีความเร็วสูงนิยมใช้ในหน่วยงานที่มีขนาดใหญ่  เช่น  มหาวิทยาลัย กระทรวง ทบวงกรมต่าง ๆ ใช้งานได้พร้อมกันครั้งละหลาย ๆ คน โดยหน่วยงานเหล่านั้นจะต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านสายสัญญาณใยแก้ว นำแสงหรือสายวงจรเช่า  (leased line) กับไอเอสพี
6.องค์ประกอบของระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
            การ ให้บริการอินเทอร์เน็ตมีหลายรูปแบบ และมีการเปลี่ยนแปลงและเกิดขึ้นใหม่ตลอดเวลา  สามารถสรุปที่มีการใช้ประโยชน์มากที่สุดดังต่อไปนี้
1. การให้บริการเวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide  Web หรือ www)
2. การให้บริการไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail หรือ E-mail) เป็นบริการรับ-ส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีเมล์
3. การแลกเปลี่ยนข่าวสารแบบกลุ่ม (Unsent Newsgroup)
4. การซื้อขายสินค้าและบริการ (Electronic Commerce หรือ E-Commerce
5. การบริการการโอนถ่ายข้อมูล (Internet Relay Chat หรือ IRC)
6. การสื่อสารโต้ตอบด้วยข้อความ (Internet Relay Chat หรือ IRC)
7.การเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์เข้าสู่ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
7.การเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์เข้าสู่ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตหลายคนอาจเข้าสู่อินเทอร์เน็ตโดยผ่านทางระบบเครือข่ายของสำนักงาน  บริษัท หรือสถานศึกษาของตน ซึ่งตามปกติแล้วหากเป็นหน่วยงานหรือสำนักงานใหญ่ๆ จะต่อคอมพิวเตอร์เป็นระบบภายในองค์กร (LAN) ซึ่งมักจะเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการ (ISP) ผ่านสายนำสัญญาณความเร็วสูง (High-Speed Leased Line) แทนที่จะเชื่อมต่อผ่านโมเด็ม (Modem) แต่ถ้าหากว่าคอมพิวเตอร์ที่ใช้อยู่ในวง LAN ที่ไม่โตมากนักก็อาจใช้เชื่อมต่อผ่านโมเด็มก็ได้ เพราะจะทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการเชื่อมต่อระบบ แต่อาจจะมีปัญหาในเรื่องความเร็ว ในการเข้าสู่อินเทอร์เน็ตบ้างเล็กน้อย
clip_image001

การเชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ตผ่านทางผู้ให้บริการ

      ผู้ให้บริการเชื่อมต่อเข้าระบบอินเทอร์เน็ตเรียกว่า ISP (Internet Service Provider)หรือที่เรียกกันว่าไอเอสพีจะเป็นองค์กรที่ทำการติดตั้งและดูแลเครื่องให้บริการ(Server) ที่ต่อตรงเข้ากับระบบอินเทอร์เน็ตซึ่งอนุญาตให้ผู้ที่สมัครเป็นสมาชิกขององค์กรนำระบบของตนเองเข้าไปเชื่อมต่อได้ดังนั้นISPก็เปรียบเสมือนช่องทางผ่านเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตซึ่งหลังจากที่เราเชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ตได้แล้วเราก็สามารถเข้าไปยังส่วนใดๆก็ได้ในระบบอินเทอร์เน็ตการเชื่อมต่อผ่านทาง  ISP  ยังแบ่งลักษณะการเชื่อมต่อออกเป็น 2  ประเภท ตามความต้องการใช้งาน ดังนี้


1)  การเชื่อมต่อแบบองค์กร
   ป็นองค์กรที่มีการจัดตั้งระบบเครือข่ายใช้งานภายในองค์กรอยู่แล้วจะสามารถนำเครื่องแม่ข่าย  (Server)  ของเครือข่ายนั้นเข้าเชื่อมต่อกับ ISP เพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตได้เลย

2)  การเชื่อมต่อส่วนบุคคล
      ป็นการเชื่อมต่อของบุคคลธรรมดาทั่วไปซึ่งสามารถขอเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตได้โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้อยู่อาจจะเป็นที่บ้านหรือที่ทำงานเชื่อมต่อผ่านทางสายโทรศัพท์ผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่า โมเดม (Modem) ซึ่งค่าใช้จ่ายไม่สูงมากนักเรามักเรียกการเชื่อมต่อแบบนี้ว่าการเชื่อมต่อแบบ Dial-Up โดยผู้ใช้ต้องสมัครเป็นสมาชิกของ ISP เพื่อขอเชื่อมต่อผ่านทาง SLIP หรือ PPP account


 TCP/IP:  ภาษาหลักในอินเทอร์เน็ต
             
      ปัจจุบันมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจำนวนมากทั่วโลกแต่ละคนก็ใช้คอมพิวเตอร์ต่างแบบต่างรุ่นกันดังนั้นการสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์จะต้องอาศัยภาษากลางที่คอมพิวเตอร์สามารถเข้ากันกันได้ซึ่งภาษากลางนี้มีชื่อทางเทคนิคว่า"โปรโตคอล"(Protocol) สำหรับโปรโตคอลเป็นมาตรฐานที่ใช้ในการสื่อสารบนอินเทอร์เน็ตมีชื่อเรียกว่า TCP/IP ซึ่งได้แพร่หลายไปทั่วโลกพร้อมๆกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และเป็นโปรโตคอลที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน

      หลักการทำงานของโปรโตคอล  TCP/IP จะแบ่งข้อมูลที่เครื่องคอมพิวเตอร์ส่งไปยังเครื่องอื่นเป็นส่วนย่อยๆ (เรียกว่า แพ็คเกต: packet) และ ส่งไปตามเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยการกระจายแพ็กเก็ตเหล่านั้นไปหลายทางโดยในแต่ละเส้นทางจะไปรวมกันที่จุดปลายทางและถูกนำมารวมกันเป็นข้อมูลที่สมบูรณ์อีกครั้งหนึ่ง

     รูปแบบการทำงานของโปรโตคอล TCP/IP ที่มีการแบ่งข้อมูลและจัดส่งเป็นส่วนย่อย จะสามารถช่วยป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในการติดต่อสื่อสารได้เพราะถ้าข้อมูลสูญหายก็จะเกิดเป็นเพียงบางส่วนเท่านั้นมิใช่หายไปทั้งหมด ซึ่งคอมพิวเตอร์ปลายทางสามารถตรวจหาข้อมูลที่สูญหายได้ และติดต่อให้คอมพิวเตอร์ต้นทางส่งเพียงเฉพาะข้อมูลที่หายไปมาใหม่ได้ โปรโตคอล  TCP/IP ถูกคิดค้นโดยรัฐบาลสหรัฐและถูกนำมาใช้กับเครือข่ายคอมพิวเตอร์เพี่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้เช่นในกรณีที่ศูนย์คอมพิวเตอร์ใหญ่ในรัฐใดรัฐหนึ่งถูกโจมตีจนได้รับความเสียหายเครือข่ายคอมพิวเตอร์ส่วนที่เหลือก็ยังสามารถติดต่อถึงกันได้อยู่เพราะข้อมูลจะถูกโอนย้ายไปตามเส้นทางอื่นในเครือข่ายแทน

SLIP/PPP: ช่วยสื่อสารผ่านสายโทรศัพท์
           
     ในการส่งข้อมูลในระบบอินเทอร์เน็ตนั้นจำเป็นต้องส่งผ่านทั้งในระบบสายสัญญาณ สาย ในระบบLAN และระบบสายโทรศัพท์ประกอบกันดังนั้น เพื่อให้การสื่อสารเป็นไปได้อย่างราบรื่นจึงต้องมีโปรโตคอลเพิ่มขึ้นอีกซึ่งได้แก่โปรโตคอล SLIP (Serial Line Internet Protocol) และ PPP (Point-to-Point Protocol) ซึ่งทำงานบน TCP/IP อีกทีหนึ่ง

SLIP
        
     โปรโตคอล SLIP ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้  TCP/IP สามารถสื่อสารผ่านสายโทรศัพท์เพื่อส่งผ่านข้อมูลระหว่างระบบแลน(LAN)กับระบบแวน(WAN)ได้ซึ่งก็ได้รับความนิยมและเป็นที่ใช้กันอย่างแพร่หลายโดยเฉพาะในระบบUNIXได้นำโปรโตคอลนี้ติดตั้งไว้เป็นส่วนหนึ่งของระบบนั่นหมายความว่าทุกเครื่องที่ใช้ระบบUNIX จะมีโปรโตคอล SLIP อยู่ในตัวและสามารถใช้งานได้ทันที

PPP
           
  เนื่องจากปรากฎว่าโปรโตคอลSLIPเกิดมีปัญหาไม่เข้ากันกับโปรโตคอลบางตัวที่ระบบแลน (LAN) นั้นใช้อยู่เดิมจึงได้มีการพัฒนาโปรโตคอลขึ้นมาใหม่ในชื่อ PPP เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว   ดังนั้น PPP จึงเป็นโปรโตคอลที่สามารถใช้ร่วมกับโปรโตคอลอื่นๆได้ดีอีกทั้งยังเพิ่มระบบการตรวจสอบข้อมูลการรักษาความปลอดภัยและการบีบอัดข้อมูลซึ่งทำงานได้ดีกว่าSLIPและก็คงถูกใช้เป็นมาตรฐานต่อไป

IP address: ระบุที่อยู่ของเครื่องคอมพิวเตอร์
               
   อาจสงสัยเกี่ยวกับการทำงานของอินเทอร์เน็ตว่ารู้จักที่อยู่ของคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆได้อย่างไรลักษณะก็จะเหมือนกับเมื่อเราต้องการหาบ้านหลังหนึ่งในเมือง ขนาดใหญ่ไห้พบ เราต้องทราบข้อมูล เช่น บ้านเลขที่ถนน ตำบล เป็นต้น ในอินเทอร์เน็ตก็เช่นเดียวกันเมื่อเราต้องการสื่อสารกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น เราก็จะต้องการที่อยู่ของเครื่องนั้นๆบนอินเทอร์เน็ตที่เรียกว่า ไอพี แอดเดรส (IP address)


      IP  address  เป็นหมายเลขประจำตัวเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง  ซึ่งไม่ซ้ำกับเครื่องอื่นในโลก โดยประกอบด้วยตัวเลข  4  ชุดต่อกัน  โดยมีจุด  (.) เป็นสัญลักษณ์  แบ่งตัวเลขเป็นชุด  ซึ่งแต่ละชุดจะมีค่าได้ตั้งแต่  0  ถึง  255

                       ตัวอย่าง : IP address             208.49.20.16

            เนื่องจาก IP address เป็นหมายเลขที่ไม่ซ้ำกัน จึงได้เกิดหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแล เรื่องการจัดสรรIP address โดยตรง หน่วยงานนี้มีชื่อว่า interNIC (Internet Network Information Center)   สำหรับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วๆ ไปจะได้รับ IP address จากผู้ให้บริการ อินเทอร์เน็ต (ISP : Internet Service Provider)  ซึ่งได้ทำการขอ  IP address  เตรียมไว้  ล่วงหน้าแล้ว

Domain Name:  อินเทอร์เน็ตแอดเดรส
            
         ถึงแม้การทำงานของเครือข่ายคอมพิวเตอร์จะใช้  IP address แต่เนื่องจากเป็นชุดตัวเลขที่จดจำได้ยากดังนั้นเพื่อแก้ปัญาหาดังกล่าวจึงได้มีการนำอินเทอร์เน็ตแอดเดรสหรือโดเมนเนมมาใช้กล่าวคือการนำตัวอักษรที่จำได้ง่ายมาใช้แทน IP address อินเทอร์เน็ตแอดเดรสจะไม่ซ้ำกันและเพื่อสะดวกในการจดจำชื่อโดเมนดังนั้นโดเมนเนมมักนิยมตั้งให้สอดคล้องกับชื่อของบริษัทหรือชื่อองค์กรผู้เป็นเจ้าของเหล่านี้เป็นต้น

208.49.20.16  < --------------->  www.srithai.com
(IP Address)                                (โดเมนเนม)

          
       แม้ว่าเราใช้โดเมนเนม แต่เนื่องจากรูปแบบการสื่อสารข้อมูลในอินเทอร์เน็ตใช้  IP address จึงต้องมีการแปลงโดเมนเนมกลับไปเป็น IP address โดยจะมีการจัดตั้ง คอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่นี้โดยเฉพาะที่มีชื่อเรียกว่า DNS Serve

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น