หน่วยที่ 6
อินเทอร์เน็ต
อินเทอร์เน็ต
1.ความหมายและความเป็นมาของอินเทอร์เน็ต
คำว่าอินเทอร์เน็ต
มาจากคำเต็มว่า International
Network หรือเขียนแบบย่อว่าInternet หมาย ความว่า เครือข่ายนานาชาติหรือเครือข่ายสากล
คือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั่วโลก
เข้าด้วยกัน โนปัจจุบันมีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมโยงกันอยู่มากกว่า 60
ล้านเครื่องมาเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข่าวสารกัน
การที่คอมพิวเตอร์ที่แตกต่างกันหลายชนิดจำนวนมากมายทั่วโลกเชื่อมโยงกันได้
จะต้องใช้เกณฑ์วิธีหรือโพรโทคอล (Protocol) เดียวกันจึงจะเข้ากัน
และเกณฑ์วิธีที่นำมาใช้กับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในปัจจุบันมีชื่อเรียกว่าทีซีพี/ไอพี (TCP/IP)
2.ความสำคัญของอินเทอร์เน็ต
· ด้านการศึกษา อินเทอร์เน็ตมีความสำคัญ ดังนี้
1) สามารถใช้เป็นแหล่งค้นคว้าหาข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางวิชาการ
ข้อมูลด้านการบันเทิง ด้านการแพทย์ และอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
2) ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จะทำหน้าที่เปรียบเสมือนเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่
3) นัก ศึกษาสามารถใช้อินเทอร์เน็ตติดต่อกับมหาวิทยาลัยหรือโรงเรียนอื่น ๆ
เพื่อค้นหาข้อมูลที่กำลังศึกษาอยู่ได้ ทั้งที่ข้อมูลที่เป็นข้อความเสียง ภาพเคลื่อนไหวต่าง
ๆ
· ด้านธุรกิจและการพาณิชย์ อินเทอร์เน็ตมีความสำคัญ ดังนี้
1) ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ
2) สามารถซื้อขายสินค้า ทำธุรกรรมผ่านระบบเครือข่าย
3) เป็นช่องทางในการประชาสัมพันธ์ โฆษณาสินค้า ติดต่อสื่อสารทางธุรกิจ
4) ผู้ ใช้ที่เป็นบริษัท หรือองค์กรต่าง ๆ ก็สามารถเปิดให้บริการ
และสนับสนุนลูกค้าของตนผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ เช่น การให้คำแนะนำ
สอบถามปัญหาต่างๆให้แก่ลูกค้า แจกจ่ายตัวโปรแกรมทดลองใช้ (Shareware) โปรแกรมแจกฟรี (Freeware)
· ด้านการบันเทิง อินเทอร์เน็ตมีความสำคัญ ดังนี้
1) การพักผ่อนหย่อนใจ นันทนาการ เช่น การค้นหาวารสารต่าง
ๆ ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ที่เรียกว่า Magazine
Online รวมทั้งหนังสือพิมพ์และข่าวสารอื่น ๆ
โดยมีภาพประกอบที่จอคอมพิวเตอร์เหมือนกับวารสารตามร้านหนังสือทั่ว ๆ ไป
2) สามารถฟังวิทยุหรือดูรายการโทรทัศน์ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้
3) สามารถดึงข้อมูล (Download) ภาพยนตร์มาดูได้
3.ประโยชน์อินเทอร์เน็ต
ในการใช้อินเทอร์เน็ตนั้นก่อให้เกิดประโยชน์หลายด้านด้วยกันสามารถสรุปที่สำคัญได้ดังนี้
1. ใช้แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร
สะดวกและรวดเร็ว
2. ใช้สืบค้นข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่างๆ
ทั่วโลกได้
3. ใช้แลกเปลี่ยนข้อมูลกับเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างระบบได้
4. สามารถส่งข้อมูลได้หลายรูปแบบ
5. ให้ความบันเทิงในรูปแบบต่างๆ เช่น การฟังเพลง เล่นเกมส์ เป็นต้น
6. ใช้สื่อสารด้วยข้อความ
ซึ่งเป็นการพูดคุยกันระหว่างผู้ใช้อินเทอร์เน็ตโดยการพิมพ์ข้อความ
โต้ตอบ
7. ใช้ส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
8. ซื้อขายสินค้าและบริการ
4.การใช้อินเทอร์เน็ต
การใช้งานอินเทอร์เน็ต ผู้ใช้สามารถใช้บริการจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
ที่เราเรียกว่า ไอเอสพี (ISP หรือ Internet
Service Provider)โดย การติดต่อขอใช้บริการผ่านตัวแทนไอเอสพีต่าง ๆ
ได้โดยตรง สำหรับประเทศไทยเรามีไอเอสพีอยู่มากกว่า
15 แห่ง ซึ่งไอเอสพี คือบริษัทหรือองค์กรที่ให้บริการทางด้านอินเทอร์เน็ต
รวมถึงศูนย์คอมพิวเตอร์ของสถาบันการศึกษาด้วย จะทำหน้าที่เชื่อมต่อระบบเครือข่ายจากประเทศไทยไปต่างประเทศ
โดยผ่านเครือข่ายดาวเทียมหรือสายใยแก้วนำแสงของการสื่อสารแห่งประเทศไทย
5.ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
การติดต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านระบบการสื่อสารโทรคมนาคมเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ต เพื่อใช้บริการต่างๆ
จากอินเทอร์เน็ต สามรถทำได้ 2 วิธี ดังนี้
1.การติดต่อโดยใช้สายโทรศัพท์ผ่านอุปกรณ์โมเดม (Modem)
ไปยังเอสไอพีที่เราเป็นสมาชิกอยู่ โมเดม คือ อุปกรณ์แปลงสัญญาณคอมพิวเตอร์ให้เป็นสัญญาณโทรศัพท์และแปลงสัญญาณโทรศัพท์ ให้เป็นสัญญาณคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการแปลงสัญญาณดิจิทัลจากคอมพิวเตอร์เป็นสัญญาณแอนาล็อก ผ่านสายโทรศัพท์ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ปลายทาง และขณะเดียวกันยังสามารถแปลงสัญญาณแอนาล็อกกลับเป็นสัญญาณดิจิทัลได้ โดยปกติเราใช้วิธีการนี้ติดต่อจากที่บ้านหรือที่ทำงานที่ไม่มีระบบเครือข่าย เชื่อมโยงถึง ความเร็วของการติดต่อขึ้นอยู่กับโมเด็ม ปัจจุบันมีความเร็วขนาด 64 กิโลบิตต่อวินาที
ไปยังเอสไอพีที่เราเป็นสมาชิกอยู่ โมเดม คือ อุปกรณ์แปลงสัญญาณคอมพิวเตอร์ให้เป็นสัญญาณโทรศัพท์และแปลงสัญญาณโทรศัพท์ ให้เป็นสัญญาณคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการแปลงสัญญาณดิจิทัลจากคอมพิวเตอร์เป็นสัญญาณแอนาล็อก ผ่านสายโทรศัพท์ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ปลายทาง และขณะเดียวกันยังสามารถแปลงสัญญาณแอนาล็อกกลับเป็นสัญญาณดิจิทัลได้ โดยปกติเราใช้วิธีการนี้ติดต่อจากที่บ้านหรือที่ทำงานที่ไม่มีระบบเครือข่าย เชื่อมโยงถึง ความเร็วของการติดต่อขึ้นอยู่กับโมเด็ม ปัจจุบันมีความเร็วขนาด 64 กิโลบิตต่อวินาที
![[clip_image0026.jpg]](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhZFAtZG_TSKiS2N9KcY_Y_PkNl-yI_uxX6yR1Xp2UrzHcwrsQVBILPVDr0vw844Xzuft_iW6bKaSGPidFL1T8jmWGq_5MZS85CtdwJFqIVNG06mcOVoitvUqRnNEnS34DBTvJSmDBzrTkO/s1600/clip_image0026.jpg)
2.การติดต่อผ่านเครือข่ายแลน
วิธีนี้จะสะดวกมากกว่าวิธีอื่นการรับส่งข้อมูลมีความเร็วสูงนิยมใช้ในหน่วยงานที่มีขนาดใหญ่ เช่น มหาวิทยาลัย กระทรวง ทบวงกรมต่าง ๆ ใช้งานได้พร้อมกันครั้งละหลาย ๆ คน โดยหน่วยงานเหล่านั้นจะต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านสายสัญญาณใยแก้ว นำแสงหรือสายวงจรเช่า (leased line) กับไอเอสพี
6.องค์ประกอบของระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
การ
ให้บริการอินเทอร์เน็ตมีหลายรูปแบบ และมีการเปลี่ยนแปลงและเกิดขึ้นใหม่ตลอดเวลา สามารถสรุปที่มีการใช้ประโยชน์มากที่สุดดังต่อไปนี้
1. การให้บริการเวิลด์ไวด์เว็บ (World
Wide Web หรือ www)
2. การให้บริการไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
(Electronic Mail หรือ E-mail) เป็นบริการรับ-ส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีเมล์
3. การแลกเปลี่ยนข่าวสารแบบกลุ่ม
(Unsent Newsgroup)
4. การซื้อขายสินค้าและบริการ
(Electronic Commerce หรือ E-Commerce
5. การบริการการโอนถ่ายข้อมูล
(Internet Relay Chat หรือ IRC)
6. การสื่อสารโต้ตอบด้วยข้อความ
(Internet Relay Chat หรือ IRC)
7.การเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์เข้าสู่ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
7.การเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์เข้าสู่ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตหลายคนอาจเข้าสู่อินเทอร์เน็ตโดยผ่านทางระบบเครือข่ายของสำนักงาน บริษัท หรือสถานศึกษาของตน ซึ่งตามปกติแล้วหากเป็นหน่วยงานหรือสำนักงานใหญ่ๆ
จะต่อคอมพิวเตอร์เป็นระบบภายในองค์กร (LAN) ซึ่งมักจะเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการ
(ISP) ผ่านสายนำสัญญาณความเร็วสูง (High-Speed
Leased Line) แทนที่จะเชื่อมต่อผ่านโมเด็ม (Modem) แต่ถ้าหากว่าคอมพิวเตอร์ที่ใช้อยู่ในวง LAN ที่ไม่โตมากนักก็อาจใช้เชื่อมต่อผ่านโมเด็มก็ได้
เพราะจะทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการเชื่อมต่อระบบ แต่อาจจะมีปัญหาในเรื่องความเร็ว ในการเข้าสู่อินเทอร์เน็ตบ้างเล็กน้อย

การเชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ตผ่านทางผู้ให้บริการ
ผู้ให้บริการเชื่อมต่อเข้าระบบอินเทอร์เน็ตเรียกว่า ISP (Internet Service Provider)หรือที่เรียกกันว่าไอเอสพีจะเป็นองค์กรที่ทำการติดตั้งและดูแลเครื่องให้บริการ(Server) ที่ต่อตรงเข้ากับระบบอินเทอร์เน็ตซึ่งอนุญาตให้ผู้ที่สมัครเป็นสมาชิกขององค์กรนำระบบของตนเองเข้าไปเชื่อมต่อได้ดังนั้นISPก็เปรียบเสมือนช่องทางผ่านเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตซึ่งหลังจากที่เราเชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ตได้แล้วเราก็สามารถเข้าไปยังส่วนใดๆก็ได้ในระบบอินเทอร์เน็ตการเชื่อมต่อผ่านทาง ISP ยังแบ่งลักษณะการเชื่อมต่อออกเป็น 2 ประเภท ตามความต้องการใช้งาน ดังนี้
1) การเชื่อมต่อแบบองค์กร
เป็นองค์กรที่มีการจัดตั้งระบบเครือข่ายใช้งานภายในองค์กรอยู่แล้วจะสามารถนำเครื่องแม่ข่าย (Server) ของเครือข่ายนั้นเข้าเชื่อมต่อกับ ISP เพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตได้เลยเ
2) การเชื่อมต่อส่วนบุคคล
เป็นการเชื่อมต่อของบุคคลธรรมดาทั่วไปซึ่งสามารถขอเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตได้โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้อยู่อาจจะเป็นที่บ้านหรือที่ทำงานเชื่อมต่อผ่านทางสายโทรศัพท์ผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่า โมเดม (Modem) ซึ่งค่าใช้จ่ายไม่สูงมากนักเรามักเรียกการเชื่อมต่อแบบนี้ว่าการเชื่อมต่อแบบ Dial-Up โดยผู้ใช้ต้องสมัครเป็นสมาชิกของ ISP เพื่อขอเชื่อมต่อผ่านทาง SLIP หรือ PPP account
TCP/IP: ภาษาหลักในอินเทอร์เน็ต
ปัจจุบันมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจำนวนมากทั่วโลกแต่ละคนก็ใช้คอมพิวเตอร์ต่างแบบต่างรุ่นกันดังนั้นการสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์จะต้องอาศัยภาษากลางที่คอมพิวเตอร์สามารถเข้ากันกันได้ซึ่งภาษากลางนี้มีชื่อทางเทคนิคว่า"โปรโตคอล"(Protocol) สำหรับโปรโตคอลเป็นมาตรฐานที่ใช้ในการสื่อสารบนอินเทอร์เน็ตมีชื่อเรียกว่า TCP/IP ซึ่งได้แพร่หลายไปทั่วโลกพร้อมๆกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และเป็นโปรโตคอลที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน
หลักการทำงานของโปรโตคอล TCP/IP จะแบ่งข้อมูลที่เครื่องคอมพิวเตอร์ส่งไปยังเครื่องอื่นเป็นส่วนย่อยๆ (เรียกว่า แพ็คเกต: packet) และ ส่งไปตามเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยการกระจายแพ็กเก็ตเหล่านั้นไปหลายทางโดยในแต่ละเส้นทางจะไปรวมกันที่จุดปลายทางและถูกนำมารวมกันเป็นข้อมูลที่สมบูรณ์อีกครั้งหนึ่ง
รูปแบบการทำงานของโปรโตคอล TCP/IP ที่มีการแบ่งข้อมูลและจัดส่งเป็นส่วนย่อย จะสามารถช่วยป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในการติดต่อสื่อสารได้เพราะถ้าข้อมูลสูญหายก็จะเกิดเป็นเพียงบางส่วนเท่านั้นมิใช่หายไปทั้งหมด ซึ่งคอมพิวเตอร์ปลายทางสามารถตรวจหาข้อมูลที่สูญหายได้ และติดต่อให้คอมพิวเตอร์ต้นทางส่งเพียงเฉพาะข้อมูลที่หายไปมาใหม่ได้ โปรโตคอล TCP/IP ถูกคิดค้นโดยรัฐบาลสหรัฐและถูกนำมาใช้กับเครือข่ายคอมพิวเตอร์เพี่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้เช่นในกรณีที่ศูนย์คอมพิวเตอร์ใหญ่ในรัฐใดรัฐหนึ่งถูกโจมตีจนได้รับความเสียหายเครือข่ายคอมพิวเตอร์ส่วนที่เหลือก็ยังสามารถติดต่อถึงกันได้อยู่เพราะข้อมูลจะถูกโอนย้ายไปตามเส้นทางอื่นในเครือข่ายแทน
SLIP/PPP: ช่วยสื่อสารผ่านสายโทรศัพท์
ในการส่งข้อมูลในระบบอินเทอร์เน็ตนั้นจำเป็นต้องส่งผ่านทั้งในระบบสายสัญญาณ 6 สาย ในระบบLAN และระบบสายโทรศัพท์ประกอบกันดังนั้น เพื่อให้การสื่อสารเป็นไปได้อย่างราบรื่นจึงต้องมีโปรโตคอลเพิ่มขึ้นอีกซึ่งได้แก่โปรโตคอล SLIP (Serial Line Internet Protocol) และ PPP (Point-to-Point Protocol) ซึ่งทำงานบน TCP/IP อีกทีหนึ่ง
SLIP
โปรโตคอล SLIP ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้ TCP/IP สามารถสื่อสารผ่านสายโทรศัพท์เพื่อส่งผ่านข้อมูลระหว่างระบบแลน(LAN)กับระบบแวน(WAN)ได้ซึ่งก็ได้รับความนิยมและเป็นที่ใช้กันอย่างแพร่หลายโดยเฉพาะในระบบUNIXได้นำโปรโตคอลนี้ติดตั้งไว้เป็นส่วนหนึ่งของระบบนั่นหมายความว่าทุกเครื่องที่ใช้ระบบUNIX จะมีโปรโตคอล SLIP อยู่ในตัวและสามารถใช้งานได้ทันที
PPP
เนื่องจากปรากฎว่าโปรโตคอลSLIPเกิดมีปัญหาไม่เข้ากันกับโปรโตคอลบางตัวที่ระบบแลน (LAN) นั้นใช้อยู่เดิมจึงได้มีการพัฒนาโปรโตคอลขึ้นมาใหม่ในชื่อ PPP เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ดังนั้น PPP จึงเป็นโปรโตคอลที่สามารถใช้ร่วมกับโปรโตคอลอื่นๆได้ดีอีกทั้งยังเพิ่มระบบการตรวจสอบข้อมูลการรักษาความปลอดภัยและการบีบอัดข้อมูลซึ่งทำงานได้ดีกว่าSLIPและก็คงถูกใช้เป็นมาตรฐานต่อไป
IP address: ระบุที่อยู่ของเครื่องคอมพิวเตอร์
อาจสงสัยเกี่ยวกับการทำงานของอินเทอร์เน็ตว่ารู้จักที่อยู่ของคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆได้อย่างไรลักษณะก็จะเหมือนกับเมื่อเราต้องการหาบ้านหลังหนึ่งในเมือง ขนาดใหญ่ไห้พบ เราต้องทราบข้อมูล เช่น บ้านเลขที่ถนน ตำบล เป็นต้น ในอินเทอร์เน็ตก็เช่นเดียวกันเมื่อเราต้องการสื่อสารกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น เราก็จะต้องการที่อยู่ของเครื่องนั้นๆบนอินเทอร์เน็ตที่เรียกว่า ไอพี แอดเดรส (IP address)
IP address เป็นหมายเลขประจำตัวเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง ซึ่งไม่ซ้ำกับเครื่องอื่นในโลก โดยประกอบด้วยตัวเลข 4 ชุดต่อกัน โดยมีจุด (.) เป็นสัญลักษณ์ แบ่งตัวเลขเป็นชุด ซึ่งแต่ละชุดจะมีค่าได้ตั้งแต่ 0 ถึง 255
ตัวอย่าง : IP address 208.49.20.16
เนื่องจาก IP address เป็นหมายเลขที่ไม่ซ้ำกัน จึงได้เกิดหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแล เรื่องการจัดสรรIP address โดยตรง หน่วยงานนี้มีชื่อว่า interNIC (Internet Network Information Center) สำหรับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วๆ ไปจะได้รับ IP address จากผู้ให้บริการ อินเทอร์เน็ต (ISP : Internet Service Provider) ซึ่งได้ทำการขอ IP address เตรียมไว้ ล่วงหน้าแล้ว
Domain Name: อินเทอร์เน็ตแอดเดรส
ถึงแม้การทำงานของเครือข่ายคอมพิวเตอร์จะใช้ IP address แต่เนื่องจากเป็นชุดตัวเลขที่จดจำได้ยากดังนั้นเพื่อแก้ปัญาหาดังกล่าวจึงได้มีการนำอินเทอร์เน็ตแอดเดรสหรือโดเมนเนมมาใช้กล่าวคือการนำตัวอักษรที่จำได้ง่ายมาใช้แทน IP address อินเทอร์เน็ตแอดเดรสจะไม่ซ้ำกันและเพื่อสะดวกในการจดจำชื่อโดเมนดังนั้นโดเมนเนมมักนิยมตั้งให้สอดคล้องกับชื่อของบริษัทหรือชื่อองค์กรผู้เป็นเจ้าของเหล่านี้เป็นต้น
208.49.20.16 < ---------------> www.srithai.com
(IP Address) (โดเมนเนม)
แม้ว่าเราใช้โดเมนเนม แต่เนื่องจากรูปแบบการสื่อสารข้อมูลในอินเทอร์เน็ตใช้ IP address จึงต้องมีการแปลงโดเมนเนมกลับไปเป็น IP address โดยจะมีการจัดตั้ง คอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่นี้โดยเฉพาะที่มีชื่อเรียกว่า DNS Serve
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น